วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Blythe


ย้อนกลับไปเมื่อปี 1972 สาวน้อยตาโตเจ้าของรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ถือกำเนิดขึ้นมาโดยดีไซเนอร์ Aliison Katzman ตามแบบร่างของ Magaret Keane ภายใต้ชื่อเก๋อ่านยาก Blythe (บลายธ์) ซึ่งเป็นคำภาษาอังกฤษเก่า แปลว่า joyous
ในทีแรกสุด ผู้ออกแบบลูกตา Rouben Terzian เค้าจะให้ใช้ในตุ๊กตาหมา แต่ Gordon Barlow หัวกะทิของ Marvin Glass studio ซึ่งเป็นต้นสังกัดสาวบลายธ์ เค้าทัดทานไว้ให้ใช้ทำตุ๊กตาแทน (มีวงเล็บว่า Gordon คนนี้เป็นคนแรกที่คิดค้นกับดักหนูด้วยแหละ แต่แบบไหนก็ไม่รู้) ก็เลยตกลงใจเอามาใช้ในตุ๊กตารูปคน ซึ่งภายหลังต่อมาลูกตาแบบนี้ก็กลายเป็นเอกลัษณ์สำคัญของความเป็นบลายธ์
ความเด่นเด้งที่ทำให้บลายธ์แตกต่างจากตุ๊กตาตัวอื่นๆก็คือ นอกจากเวลานอนจะหลับตาได้แล้วยังสามารถเปลี่ยนสีตาได้ถึงสี่สีด้วยการดึงเชือกด้านหลังหัว สาวบลายธ์ถูกผลิตที่ฮ่องกง และ่ส่งมาขายที่ US ภายใต้ลิขสิทธิ์ของบ. Kenner Toy ขายอยู่ได้แค่ปีเดียวก็ต้องหยุดชะงักเพราะด้วยความไม่มีคิ้วและรูปหัวที่ใหญ่โตผิดสเกล ทำให้ลูกเด็กเล็กแดงทั้งหลายเค้ากลัวกัน(เค้าว่าตอนแรกบลายธ์ถูกออกแบบมาให้ตัวใหญ่กว่านี้ แต่มันยัดกล่องไม่ลง ก็เลยต้องทำเป็นหัวโตตัวเล็ก =w=;)
ด้วยประการฉะนี้ นอกจากนักสะสมตุ๊กตา สาวบลายธ์ก็ไม่ได้เป็นที่สนใจมากนัก รอจนยี่สิบกว่าปีถัดมา ถึงจะได้ดังแบบดาวค้างฟ้าอย่างปัจจุบัน
ปี 1997 นิวยอร์คทีวีแอนด์วิดิโอโปรดิวเซอร์ Gina Garan ได้รับตุ๊กตาตัวนึงจากคนรู้จัก ด้วยเหตุผลที่ว่า "เห็นแล้วนึกถึงเธอ" (มันเป็นคำชมรึเปล่านิ?) Gina ก็เลยใช้สาวบลายธ์เํธอมาเป็นแบบฝึกถ่ายรูป ด้วยการพาไปหลายๆที่แล้วก็ใช้เป็นนางแบบถ่าย จนปี 1999 Gina ได้มีโอกาสไปเจอ Junko Wong แห่ง CWC International Artists(รู้สึกว่าจะเป็นเอเจนซี่พวกงานกราฟิค) Junko สนใจรูปถ่ายสาวบลายธ์เค้าเข้า ก็เลยลองเสนอให้ห้าง Parco ทำสปอตโฆษณาโดยใช้ตุ๊กตาเป็นตัวแสดงดูู ซึ่งก็โชคดีที่ทางห้างเค้าชอบ สาวบลายธ์เธอก็เลยได้ถ่ายโฆษณาหลังจากนั้น บลายธ์ก็กลับมาบูมอีกครั้งในชั่วข้ามคืน จากตุ๊กตาที่ราคาเริ่มแรก35เหรียญ USกลายเป็นตุ๊กตาที่นักสะสมยอมทุ่มราคาให้จนปัจจุบันขึ้นเป็นพันๆดอลลาร์ในอีเบย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น