วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

‘บลายธ์’เทียบรัศมีบาร์บี้สะเทือน


สสส.ส่งกลยุทธ 'ผลิตน้อยหายาก'
ราคาพุ่งสวนกระแสเศรษฐกิจ
เปิดตำนานสาวบลายธ์ ตุ๊กตาเจ้าเสน่ห์สายพันธุ์อเมริกัน ขึ้นแท่นของเล่นคนดัง กระแสแรงกว่า 3 ทศวรรษทาบรัศมี “บาร์บี้” กระเจิง เผยกลยุทธ์ “ผลิตน้อย-สั่งจองนาน” ทำราคาพุ่ง อวด “ไร้คู่แข่ง-ไร้ของเลียนแบบ” เหตุกลไกซับซ้อน จับสไตล์คนอินเทรนด์ ส่งโมดิฟายด์ตุ๊กตาตามแฟชั่น เรียกเงินลูกค้าไม่มีที่สิ้นสุด “ลีโอทอย” เผยสาวกเหนียวแน่น ราคาไม่เคยตก แม้เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรก็ตาม
ถึงนาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “บลายธ์” ตุ๊กตาสาวตาโตที่เข้ามาอยู่ในใจบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ ด้วยราคา ที่เริ่มต้นเกือบครึ่งหมื่น เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้บลายธ์ เป็นของเล่นของกลุ่มคนระดับกลาง-บน ซึ่งจะต้องยอมจ่ายเพื่อเป็นเจ้าของ จนทำให้ชื่อของเธอโด่งดังไปทั่วโลก จากกลยุทธ์ที่ใช้ความเป็นนิช มาร์เก็ต จากสินค้าที่มีจำนวนผลิตน้อย หายาก สั่งจองนาน และไม่มี การผลิตเพิ่ม แถมยังมีกลวิธีการดูและเพิ่มเติมความเป็นแฟชั่น จนทำให้ บลายธ์เป็นตุ๊กตาที่หาวิธีเล่นได้ไม่เบื่อและควักจ่ายเพิ่มได้แบบไม่มีที่สิ้นสุด

>> จากตุ๊กตาผี สู่นางแบบยอดฮิตของวงการ
“Blythe” (บลายธ์) คือตุ๊กตาวินเทจที่ถูกออกแบบขึ้นในปี 1972 โดย Kenner โรงงานผลิตของเล่นในอเมริกา ที่ต้องการสร้างตุ๊กตาให้ต่างจากตุ๊กตาทั่วไปด้วยโมเดลตุ๊กตา 4 แบบ ชื่อ Blythe, Karess, Willow และ Skye พร้อมแฟชั่นเครื่องแต่งกายกว่า 12 ชุด โดดเด่นด้วยดวงตากลมโตที่เปลี่ยนสีได้ 4 สี เขียว ชมพู ส้ม และน้ำเงิน เพียงแค่ดึงห่วงที่อยู่หลังศีรษะ แต่มันกลับเป็นตุ๊กตาที่เด็กๆ หวาดกลัว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บลายธ์ไม่เป็นที่นิยม จนต้องปิดตัวลงหลังวางขายได้เพียง 1 ปี
30 ปีต่อมา จากสินค้าค้างสต็อกกลับเป็นตุ๊กตาหายากที่ได้รับความนิยม ในหมู่นักสะสม หลังจากที่เพื่อนสนิทของ Gina Garan (โปรดิวเซอร์สาวชาวอเมริกัน) ได้มอบตุ๊กตาเป็นของขวัญ เธอก็ชื่นชอบ และเริ่มพามันเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ขณะเดียวกันเธอก็เริ่มฝึกถ่ายภาพจากกล้อง SLR โดยมี Blythe เป็นนางแบบจนถูกตีพิมพ์เป็นหนังสือรวมภาพถ่าย ชื่อ This is Blythe รวมถึงหนังสือ Firecracker Alternative Book ที่ขายได้กว่า 100,000 เล่มในปี 2001
หลังจากที่ Hasbro ผู้สืบทอดกิจการ จาก Kenner ได้มอบลิขสิทธิ์การผลิตตุ๊กตาให้บริษัท Takara ประเทศญี่ปุ่น บลายธ์ก็เริ่มเป็นที่รู้จักและกลายเป็นตุ๊กตา ยอดนิยมของคนญี่ปุ่น จากการเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาทีวีให้กับห้างดัง Parco
จนกลายเป็นกระแส บลายธ์ฟีเวอร์ ได้รับความสนใจจากคนในแวดวงแฟชั่น มีการระดมสุดยอดดีไซเนอร์มาร่วมออก แบบเสื้อผ้าตัวจิ๋วให้เหล่านางแบบบลายธ์ ได้สวมเดินเฉิดฉายอยู่บนแคตวอล์กกลาง กรุงโตเกียว
และในปี 2001 Takara ได้รับหน้าที่แปลงโฉมบลายธ์ ให้โดดเด่นขึ้นด้วยขนาดตัว 11 นิ้ว พร้อมชื่อใหม่ “Neo Blythe” และนับแต่นั้นมาก็มีคอลเล็กชั่นต่างๆ ของ Neo Blythes ขึ้นมากมาย นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวบลายธ์สายพันธุ์ใหม่ “Petite Blythe” ด้วยขนาดตัวที่เล็กกะทัดรัดเพียง 4 1/2 นิ้ว ปิดท้ายด้วย Blythe Belle ตุ๊กตาพีวีซีที่จำลองและย่อส่วนขนาดของบลายธ์ ให้เหลือเพียงแค่ 3 นิ้ว
>> กลยุทธ์ผลิตน้อย-หายากดันราคาสูง
ตุ๊กตา Blythe หรือ บลายธ์ (Blind) หรือ ที่บางคนก็เรียกว่า ไบ๊ล์ท (Bright) นับจากปี 2000 ถึงปัจจุบันมีด้วยกัน 2 ขนาด คือ รุ่น Neo Blythe หรือ ตุ๊กตาขนาด 11 นิ้วครึ่ง ซึ่งสามารถดึงสายด้านหลังและเปลี่ยนสีตาได้ถึงสี่สี มีด้วยกัน 120 รุ่น และรุ่น Petite Blythe หรือ ตุ๊กตาขนาด 4 นิ้วครึ่ง ไม่สามารถเปลี่ยน สีตาได้ แต่รุ่นใหม่ๆ จะสามารถหลับตาลงเมื่อจับตุ๊กตานอนลง
สำหรับประเทศไทย ร้านลีโอทอย ตัวแทนจำหน่ายบลายธ์ ในประเทศไทย โดยในเว็บไซต์ www.leo-toy.com ระบุว่า ราคาตุ๊กตาบลายธ์ เดิมทีรุ่นปีแรกๆ ราคาเปิดเพียง 8,400 เยน หรือ เพียง 2,000 กว่าบาท แต่เนื่องจากตุ๊กตาบลายธ์ ไม่มีการรีสต็อก หรือทำการผลิตใหม่ จึงทำให้ตุ๊กตารุ่นที่จำหน่ายหมดไป หายากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อผู้คนหันมาสนใจตุ๊กตา มากขึ้น
ความต้องการในตัวสินค้าเพิ่มขึ้น แต่สินค้ามีจำนวนเท่าเดิม จึงเกิดการแข่งขันและแย่งกันซื้อ และทำให้ราคาตุ๊กตาสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่น่าเชื่อ ตุ๊กตาบลายธ์ เป็นสินค้าประเภทเดียวที่ราคา ไม่เคยตก ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรก็ตาม โดยปัจจุบันราคาของบลายธ์ เริ่มต้นที่ประมาณ 4,000 บาท ราคาเริ่มตุ๊กตาปรับสูงขึ้นตามสภาพ เศรษฐกิจ และค่าเงิน รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ค่าขนส่ง และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น จึงทำให้ราคาเริ่มปรับขึ้นมาเป็น 10240 เยน หรือประมาณ 4000 กว่าบาท และเนื่องจากภาษีนำเข้าในประเทศไทยสูงถึง 20% จึงทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้นตามไปด้วย นอกจากตัวบลายธ์ที่มีราคาแพงแล้ว อุปกรณ์เสริมหรือเสื้อผ้าต่างๆ ก็ มีราคาที่สูงตามไปด้วย โดยราคาของเสื้อผ้า มีตั้งแต่ 1,000-10,000 บาท
>> คิวซีแน่นกลไกเพียบก๊อบปี้เมิน
นอกจากนั้น ยังไม่รวมถึงตุ๊กตารุ่นที่เป็นตัวพิเศษ หรือผลิตจำนวนจำกัดต่างๆ รวมถึงเงื่อนไขการจำหน่ายที่ทำให้เป็นเจ้าของยากขึ้น เช่น การจับสลากซื้อ, การเข้าคิวซื้อในงานอีเวนต์ต่างๆ ซึ่งออกวางจำหน่ายทีละไม่กี่ร้อยตัว และที่สำคัญจัดจำหน่ายเฉพาะที่ประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น หากต้องการสินค้าพิเศษดังกล่าว ต้องไปต่อคิวซื้อที่ญี่ปุ่น, การต่อคิวซื้อในห้างทอยส์ อา อัส ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งซื้อได้เพียงคนละหนึ่งตัวเท่านั้น หรือสินค้าที่ผลิตจำกัดเช่นรุ่น CWC Limited ซึ่งวางจำหน่ายเพียง 3,000 ตัว, 1,000 ตัว, หรือ 500 ตัว จึงทำให้ราคาตุ๊กตายิ่งปรับตัวสูงขึ้นตามลำดับ เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อสินค้าผลิตน้อย ความต้องการของผู้บริโภคสูง ราคาจึงปรับสูงขึ้น และเป็นไปตามกลไกการตลาดนั่นเอง
รายงานจาก ลีโอทอย ระบุว่า จากอดีตถึงปัจจุบัน ตุ๊กตาบลายธ์ มีฐานการผลิตสินค้าที่ประเทศจีน เนื่องจากสายการผลิตสินค้าที่ประเทศญี่ปุ่น ทั้งโรงงานและค่าใช้จ่ายต่างๆ สูงมาก ทำให้ไม่สามารถผลิตภายในประเทศญี่ปุ่นได้
แต่ทั้งนี้ ทางญี่ปุ่นเองก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาทำการตรวจสอบคิวซีการผลิตในโรงงานที่ประเทศจีนทุกครั้งที่มีการสั่งผลิตสินค้า จึงไม่ได้เห็นตุ๊กตาบลายธ์ ที่หลุดคิวซีอย่างบาร์บี้ เนื่องจากเมื่อตุ๊กตาไม่ผ่านคิวซี ทางญี่ปุ่น สั่งให้ดำเนินการตัดจมูกตุ๊กตาออกทันที และวัสดุที่ใช้ในการผลิต ก็มีจำนวนเท่ากับที่สั่งผลิตเท่านั้น
ดังนั้น จุดเด่นของตุ๊กตาบลายธ์อีกข้อก็คือ ไม่มีของลอกเลียนแบบหรือของก๊อบปี้ เนื่องจากภายในตุ๊กตาบลายธ์ มีกลไกอันซับซ้อน และมีวัสดุมากกว่า 10 ชิ้น ซึ่งการผลิตวัสดุแต่ละชิ้นใช้เงินลงทุนสูงมาก จนถึงปัจจุบันยังไม่มีโรงงาน ในประเทศใด ทำการผลิตตุ๊กตาบลายธ์ของปลอมออกจำหน่าย แม้กระทั่งในประเทศจีน
>> ทัพดาราทุ่มเงินแสนสะสมน้องบลายธ์
“ชมพู่” อารยา เอ ฮาร์เก็ต เป็นดาราสาวผู้คลั่งไคล้ตุ๊กตาบลายธ์ และกลายเป็นนักสะสมตุ๊กตา Blythe (บลายธ์) ระดับต้นๆ ของเมืองไทย โดยเริ่มจากเพื่อน ดาราสาว แตงโม-ภัทรธิดา พัชระวีระพงษ์ ซึ่งบลายธ์ตัวแรกของชมพู่ ซื้อมาจากประเทศฮ่องกง ก่อนที่จะทราบว่าในประเทศไทยมีการจำหน่ายบลายธ์แล้ว หลังจากนั้นเธอเลยกลายเป็นขาประจำของลีโอทอย เริ่มซื้อตุ๊กตาครั้งแรกๆ 6-7 ตัว และอีก 1 เดือน เธอก็สามารถครอบครองน้องบลายธ์ได้ถึง 30 ตัว จวบจนปัจจุบัน ชมพู่มีบลายธ์แล้วกว่า 60 ตัว ที่ซื้อทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ โดยมีบลายธ์ที่ราคาแพงที่สุด 20,000 บาท เป็นตุ๊กตาบลายธ์ครบรอบปี 2004 จากประเทศญี่ปุ่น
ชมพู่เป็นหนึ่งในดาราผู้คลั่งไคล้ตุ๊กตาบลายธ์ และยังมีเหล่าดาราที่ชื่นชอบและสะสมตุ๊กตาบลายธ์ อาทิ , แตงโม ภัทรธิดา, อ๊อฟ และ ลูกตาล AF3 , วีเจจ๋า ณัฐา วีรนุช ฯลฯ เช่นเดียวกับคุณนุ้ย เบญจพร อณิรักษ์กุล ผู้จัดการร้าน ลีโอทอย ซึ่งแต่เดิมเป็นผู้สะสมตุ๊กตาบลายธ์มาก่อนที่จะนำมาจัดจำหน่ายจนประสบความสำเร็จ และกลายเป็นอีกหนึ่งแฟนพันธุ์แท้ของบลายธ์ในประเทศไทย
>> สไตล์สาวน้อยอินเทรนด์เรียกเงินลูกค้า
ปัจจุบันลีโอทอย มี 7 สาขาคือ สะพานเหล็กสแควร์, สำเพ็ง, เอสซีพลาซ่า, โลตัส ปื่นเกล้า, เซ็น และ เซ็นทรัลชิดลม อีกทั้งยังมีการรุกตลาดด้วยโฆษณาและประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการจัดโปรโมชั่น เพื่อสร้างทางเลือกให้กับผู้ที่ต้องการสะสมตุ๊กตาบลายธ์ ในราคาพิเศษ อาทิ ชุดตุ๊กตาบลายธ์ 3 แบบ ราคา 9,490 บาท หรือ ชุดแพ็กคู่ ราคา 5,999-15,900 บาท เป็นต้น
ลักษณเด่นของตุ๊กตาบลายธ์ นอกเหนือจากที่สามารถดึงเปลี่ยนสีตาได้สี่สีแล้ว ตุ๊กตาบลายธ์ยังสามารถเปลี่ยนคอนแทคเลนส์ และเปลี่ยนขนตาให้งอนงามยิ่งขึ้นได้ สามารถเปลี่ยนวิกหรือทรงผม ซึ่งปัจจุบันมีวิกผมออกวางจำหน่ายหลายแบบ ทำให้ไม่เกิดความซ้ำซากจำเจ เพราะเมื่อเปลี่ยนทรงผม ก็ทำให้ตุ๊กตาน่ารักยิ่งขึ้น และมีรูปแบบใบหน้า สีผิว
และลักษณะที่ต่างออกไปจากเดิม ทั้งนี้ยังสามารถนำมาโมดิฟายด์ หรือเรียกว่า การคัสตอมตุ๊กตาบลายธ์ให้หลับตา ค้างได้ ปรับเปลี่ยนทรงตา และปากให้สมจริงเหมือนคน ซึ่งในปัจจุบันมีเทคนิคการทำตุ๊กตาให้หน้าเหมือนเราให้มากที่สุดด้วย
ผู้จัดการร้านลีโอทอย กล่าวว่า สาเหตุที่บลายธ์เป็นตุ๊กตาที่มีราคาแพง เนื่องจากเป็นสินค้าที่ผลิตในจำนวนจำกัด ไม่มีการผลิตเพิ่ม มีกลไกซับซ้อน อีกทั้งเป็น สินค้าลิขสิทธิ์ เพราะตุ๊กตาพวกนี้มีลิขสิทธิ์ ระหว่างประเทศ อเมริกา กับญี่ปุ่น




1 ความคิดเห็น: