วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

วันวาเลนไทน์ ให้อะไรกันดี?


วันวาเลนไทน์ ให้อะไรกันดี?
GIFT TO GIVE
เทศกาล วันวาเลนไทน์ เวียนมาอีกครั้ง กลิ่นอายแห่งความรักและความสุขจึงดูคล้ายอบอวลตลอดเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งแน่นอนมาก เมื่อคุณรักใคร รู้สึกดีกับคนนั้น คุณก็อยากมอบของขวัญที่มีค่า มีความหมายให้แก่เขา ฉบับนี้ พาคุณมารู้จักของขวัญฮิตๆ ติดอันดับท็อปไฟว์ที่คนทั่วโลกนิยมมอบให้แก่กัน รวมถึงแง่มุมการให้ของขวัญจากบรรดาเหล่าเซเลบ
Top Five Giftsจะให้ของขวัญแก่คนรักทั้งที ลองมาดูสิว่า โอกาสพิเศษอย่างนี้ คนทั่วโลกเขานิยมให้อะไรกัน




1 กุหลาบ : ราชินีดอกไม้ดอกกุหลาบถูกยกย่องให้เป็นราชินีของดอกไม้ เป็นความงามที่สื่อถึงความสงบและสงคราม ความรักและการให้อภัย จากตำนานเล่าว่าตั้งแต่สมัยกรีก ‘คลอรีส’ เทพธิดาแห่งดอกไม้ได้บันดาลให้ร่างของนางไม้กลายเป็นกุหลาบและยกให้เป็นราชินีของดอกไม้ จากนั้นก็ได้มีการมอบดอก-กุหลาบแก่ ‘อีรอส’ บุตรชายซึ่งเป็นเทพแห่งความรัก ส่วนในศาสนาคริสต์เชื่อกันว่า ในสมัยที่พระเยซูถูกตรึงไม้กางเขน พระโลหิตได้ไหลหยดลงบนต้นหญ้ามอส เกิดเป็นต้นกุหลาบที่มีดอกสีแดงสด จึงมีการเรียกขาน กุหลาบชนิดนี้ว่า ‘กุหลาบมอส’นอกจากนี้ยังมีการสู้รบกันระหว่าง 2 ตระกูลใหญ่ คือราชวงศ์ยอร์ค ซึ่งใช้สัญลักษณ์เป็นดอกกุหลาบขาวและราชวงศ์แลงแคสเตอร์ ใช้กุหลาบแดงเป็นสัญลักษณ์ เรียกสงครามนี้ว่าสงครามกุหลาบ ในสมัยต่อมาพวกกุหลาบแดงได้มาแต่งงานกับพวกกุหลาบขาวปัจจุบัน ดอกกุหลาบได้กลายมาเป็นสิ่งที่นิยมแสดงออกถึงความรัก โดยเฉพาะดอกกุหลาบสีแดง ได้รับ ความนิยมสูงสุด อาจเป็นเพราะว่ามันคือดอกไม้ที่โปรดปราน ของเทพีวีนัส เทพีแห่งความรัก อีกทั้งสีแดงเข้มก็แสดงออก ถึงพลังของความรักที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเสน่หาและความหลงใหล ส่วนดอกกุหลาบสีอื่นๆ ก็มีให้กันบ้าง อย่างสีขาวหมายถึงรักแท้และรักบริสุทธิ์สีเหลืองแสดงถึงมิตรภาพและความปรารถนาดี สีดำหมายถึงการจากลา และสีชมพูหมายถึงมิตรภาพหรือยอดรักFYI ธรรมเนียมการมอบดอกกุหลาบ เกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศ อังกฤษ ในสมัยของพระราชินีวิคตอเรีย เมื่อ 150 ปีก่อนและปัจจุบันกุหลาบถือเป็นดอกไม้ประจำชาติของชาวอังกฤษ





2 ตุ๊กตาหมีในตำนาน : Teddy Bearตุ๊กตาหมีน่ารักตัวนี้ มีที่มาจากสองประเทศด้วยกันคือ เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา สำหรับเยอรมนีเล่ากันว่า Richard Steiff นักออกแบบของเล่นได้แรงบันดาลใจมาจากหมีในคณะละครสัตว์ ตุ๊กตาหมีที่เขาออกแบบจะมีข้อต่อตามจุดต่างๆ จากนั้นเขาได้นำ ตุ๊กตาไปโชว์ในงานแสดงสินค้าแต่กลับไม่ได้รับความสนใจเลย ในขณะที่เขากำลัง เก็บของในวันสุดท้ายของงานแสดงสินค้า ก็มีชาวอเมริกันคนหนึ่งเข้ามาหยิบดูตุ๊กตาหมีของเขาและสั่งซื้อในปริมาณมาก และนี่คือต้นกำเนิดที่ทำให้ตุ๊กตาหมีที่เขาออกแบบแพร่หลายไปยังประเทศอื่นๆส่วนเรื่องของอเมริกาบอกเล่าว่า ขณะที่ประธานาธิบดี Theodore ‘Teddy’Roosevelt ออกล่าสัตว์ ราชองครักษ์ได้จับลูกหมีตัวหนึ่งผูกไว้กับต้นไม้เพื่อมอบให้เขา แต่ประธานาธิบดีกลับปล่อย ลูกหมีตัวนั้นไป ข่าวนี้ดังไปทั่ว Clifford Berryman นักเขียนการ์ตูนการเมือง ได้นำเรื่องนี้ไปเขียน และการ์ตูนนี้ก็ไป จุดประกายความคิดของ Morris Michtom ให้ออกแบบผลิตตุ๊กตาหมีที่มีข้อต่อ เขาจำหน่ายพร้อมโชว์ภาพการ์ตูนที่เขียนโดย Clifford Berryman และป้ายแสดงข้อความว่า ‘Teddy’ s Bear’ ปรากฏว่า ตุ๊กตาหมีขายดีมาก จากนั้นเพียงปีเดียว Morris Michtom ได้ปิดร้านของเขาและจัดตั้งบริษัท Ideal Novelty and Toy ขึ้น เพื่อรองรับธุรกิจนี้ ซึ่งเป็นบริษัทหนึ่งที่ติดอันดับยักษ์ใหญ่ทางด้านของเล่นของโลกในปัจจุบันFYI ปีพ.ศ. 2447 เท็ดดี้แบร์ กลายเป็นสัญลักษณ์ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของประธานา-ธิบดีรูสเวลต์ และในปี พ.ศ. 2450 นอกจากคำว่า ‘เท็ดดี แบร์’ จะได้รับการบัญญัติไว้ในพจนา- นุกรมเป็นครั้งแรกแล้ว มันยังถูกขายได้ถึง 974,000 ตัว





3 หวานถูกใจเคลือบช็อกโกแลตต้นตำนานความหวานนี้ เริ่มเมื่อประมาณ 3000 ปีมาแล้ว โดยคนพื้นเมืองของเผ่ามายาในอเมริกากลางเป็นกลุ่มแรกที่นำเอาเมล็ดโกโก้มาทำเป็นเครื่องดื่ม ต่อมาเมล็ดโกโก้จึงแพร่ไปยังเม็กซิโก โดยทำเป็นเครื่องดื่มเรียกว่าช็อกโกลาตส์ ปี ค.ศ. 1519 จักรพรรดิ Montezuma II และชาว Aztecs ในเม็กซิโก คิดว่า Hernando Cortez นักสำรวจชาวสเปนที่เข้าไปในเม็กซิโก เป็นพระเจ้าจากทะเลจึงต้อนรับด้วยเครื่องดื่มคาคาฮอดทัลหรือช็อกโกลาตส์นี้แก่เขา หลังจากที่ได้ชิมเครื่องดื่มที่ทำจากเมล็ดโกโก้ Cortez ได้จดจำวิธีการที่นำเอาเมล็ดโกโก้มาทำเป็นเครื่องดื่มของชาวแอซเทค เมื่อเขากลับไปยังสเปนได้นำเอาเมล็ดโกโก้ไปปลูกด้วย ต่อมาคนสเปนได้นำเมล็ดโกโก้มาทำเป็นเครื่องดื่ม เติมน้ำตาลวานิลลา และอบเชยลงไปทำให้มีกลิ่นและรสดีเรียกว่า ช็อกโกลาตส์ ต่อมาเครื่องดื่มรสประหลาดก็ได้แพร่หลายเข้าไปใน ประเทศอื่นๆ ในยุโรป และเมื่อไปถึงอังกฤษชื่อของ ช็อกโกลาตส์ก็เพี้ยนไปเป็นช็อกโกแลตที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันFYI คนเรามักจะให้ช็อกโก- แลตเป็นของขวัญ เพราะนอกจากรสชาติหวานอร่อยแล้ว ในช็อกโกแลตยังมีสารกาเฟอีน Theobro- mine และ Phenethyla- mine ซึ่งส่งผลต่อสมองทำให้เกิดความสุขขึ้น ดังนั้นการให้ช็อกโกแลตจึงเปรียบเสมือนการให้ ‘ความสุข’ นั่นเอง





4 DIY สไตล์โครเชต์การถักโครเชต์นับว่าเป็นศาสตร์และศิลป์อย่างหนึ่งที่เกิดจากความประณีตพิถีพิถัน เรียงร้อยเส้นด้ายจนเป็นผลงานที่สวยงามน่าใช้ การมอบของชิ้นนี้ให้ใคร ถ้าคนให้ทำเอง คนรับยิ่งรู้สึกดี ตอนนี้มารู้จักโครเชต์กัน Crochet เป็นภาษาฝรั่งเศส หมายถึง‘ตะขอ’ ซึ่งคาดกันว่าการถักไหมพรมน่าจะมีมาตั้งแต่โบราณในเมืองจีน อาระเบียหรืออเมริกาใต้ ด้วยการนำด้าย ไหม ขนสัตว์มาถักเป็นห่วงโซ่ร้อยต่อกันจนเป็นผืนผ้าลวดลายงดงาม และได้รับความนิยมในยุโรปราว ค.ศ. 1800 สมัยแรกมนุษย์ใช้เพียงนิ้วชี้งอเป็นรูปตะขอถักเส้นไหม จึงไม่มีหลักฐานเป็นเครื่องมือมาให้คนรุ่นหลังได้เห็น ภายหลังมีการพัฒนาเครื่องมือโครเชต์แทนนิ้วจากงาช้าง ทองเหลืองหรือไม้เนื้อแข็ง โครเชต์ในยุคแรกเริ่มเป็นงานกลุ่มแม่บ้าน ต่อมาเมื่อพระราชินีวิคตอเรียทรงโปรดไอริชโครเชต์ ถึงขนาดลงมือถักด้วยพระองค์เอง ชนชั้นกลางในสมัยนั้นจึงเริ่มหันมาซื้อผลิตภัณฑ์โครเชต์จากกลุ่มแม่บ้านด้วยเช่นกันFYI DIY (Do it yourself) หรือสิ่งที่ทำด้วยตัวเอง เริ่มขึ้นในช่วงศตวรรษ ที่ 19 มีผลมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่โรงงานสามารถผลิตสินค้าโรงงานได้ทีละมากๆ ส่งผลต่องานหัตถกรรมของชาวบ้าน William Morris นักออกแบบชาวอังกฤษผู้ต่อต้าน การปฏิวัติอุตสาหกรรม จึงได้ก่อตั้งบริษัท Arts & Crafts Movement ผลิตงาน Decorative Arts เช่น ลายผ้า วอลเปเปอร์ หลังจากพบว่าคนนิยมงานหัตถกรรมน้อยลง





5 ตุ๊กตาไบลท์ Blythe is Brightยอดฮิตสำหรับยุคนี้ เห็นทีจะหนีไม่พ้น ตุ๊กตา Blythe ตุ๊กตาวินเทจสัญชาติอเมริกัน ที่ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1972 มีจุดเด่นตรงที่เมื่อดึงห่วงหลังศีรษะตุ๊กตาแล้วตา ของเขาจะเปลี่ยนสีได้ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่ เพราะน่ากลัวเกินไป จนต้อง ปิดตัวลงหลังจากออกวางขายในตลาดได้แค่เพียง 1 ปี แต่อีก 30 ปีต่อมา หลังจากที่บริษัท Takara ประเทศญี่ปุ่นได้รับลิขสิทธิ์ผลิตตุ๊กตาต่อและ Blythe ได้กลายเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับห้างสรรพสินค้า เพียงชั่วข้ามคืน Blythe ก็เป็นตุ๊กตายอดนิยมบนเว็บ eBAY ราคาประมูล พุ่งขึ้นสูงจากเดิม 35$ เป็น 350$ รวมถึงเว็บประมูลของ Yahoo ขายหมดสต็อกถึง 4 ครั้งในแวดวงแฟชั่น ยังมีการรวมดีไซเนอร์ของ ห้องเสื้อแบรนด์เนมจากทุกมุมโลกอย่าง John Galliano, Prada, Gucci, Vivienne Westwood, Issey Miyake, Versace, ฯลฯ มาร่วมกันออกแบบเสื้อผ้าตัวจิ๋วให้กับเหล่านางแบบ Blythe ได้สวมเดินบนแคตวอล์กกลางกรุงโตเกียว ทำให้กระแสฮิตตุ๊กตาตัวนี้ฉุดไม่อยู่จริงๆFYI หลังจากที่ Gina Garan ได้รับตุ๊กตา Blythe เป็นของขวัญ เธอก็ถ่ายภาพ Blythe เก็บไว้กว่า 100 รูป รวมเล่มเป็นหนังสือชื่อ ‘This is Blythe’ รวมถึงหนังสือ Firecracker Alternative Book ที่ขายได้กว่า 100,000 เล่ม และจัดนิทรรศการแสดงภาพถ่าย ที่ทำให้ชื่อของ Gina’s Gallery โด่งดังและเป็นที่นิยมไปทั่วโลก

ที่มาจาก
http://women.mthai.com/views_Rate-Dating_11_84_33545_1.women

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น