วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552

พุทธรูปปางพิลึก-อุ้มพระภิกษุป่วย

ชาวกรุงเก่าฮือฮา พระพุทธรูปปางประหลาด 2 องค์ องค์หนึ่งเป็นปางพยาบาลภิกษุอาพาธ อีกองค์เป็นปางรับโชค ประดิษฐานอยู่ที่บางปะอินทั้งสององค์ เป็นที่นับถือศรัทธาจากชาวบ้าน ในด้านช่วยปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ ช่างผู้ปั้นพระเผยอดีตเจ้าอาวาสเป็นคนดำริจัดทำขึ้นตามภาพถ่ายที่ได้มา พอปั้นเสร็จก็ได้รับศรัทธาอย่างเนืองแน่นจากชาวบ้าน
ที่วัดขนอนเหนือ ริมถนนสายเอเซีย ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มีพระพุทธรูปลักษณะพิสดาร ไม่เหมือนกับพระพุทธรูปตามวัดต่างๆ สร้างความประหลาดใจต่อผู้พบเห็น จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าพระพุทธรูปดังกล่าว ตั้งอยู่ด้านข้างอุโบสถของวัด ประดิษฐานอยู่บนซุ้มปูนปั้นทรงไทย ยกฐานสูงจากพื้นดินประมาณ 180 ซ.ม. ลักษณะของพระพุทธรูปสูงประมาณ 2 เมตร อยู่ในท่านั่งเข่าขวาตั้งชัน ไว้ผมมวย มีใบหน้าอ่อนหวานคล้ายเจ้าแม่กวนอิม ในวงแขนมีรูปปั้นพระสงฆ์นอนคล้ายกับอาพาธอยู่ ที่ฐานพระพุทธรูปเขียนเป็นปูนปั้นว่า "พระพุทธรูปจริยาปางพยาบาลภิกษุอาพาธ"
พระปลัดเนตร โกสโล อายุ 40 ปี เจ้าอาวาสวัดขนอนเหนือ เปิดเผยว่า ตั้งแต่มาเป็นเจ้าอาวาสก็เห็นพระพุทธรูปดังกล่าวแล้ว ไม่ทราบวัตถุประสงค์ของผู้สร้างเหมือนกันว่าสร้างแบบดังกล่าวทำไม ทราบแต่เพียงว่าอดีตเจ้าอาวาสรูปเดิม ได้สั่งให้ช่างสิริ บ้านอยู่ที่หมู่ 4 ต.บ้านหว้า อ.บางปะอิน ปั้นพระพุทธรูปปางดังกล่าว ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวชมวัด ต่างสงสัยเข้ามาสอบถามกันบ่อยครั้ง ทางวัดจึงกำลังรวบรวมประวัติพระพุทธรูปดังกล่าว รวมกับประวัติของวัดด้วย เนื่องจากวัดขนอนมีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในอุโบสถยังมีจิตรกรรมฝาผนัง เล่าเรื่องราวสมัยกรุงศรีอยุธยาที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาไว้เป็นหลักฐานด้วย
จากการสอบถามนายสิริ ภาคาหาญ อายุ 75 ปี ช่างปั้นพระพุทธรูปดังกล่าว เล่าให้ฟังถึงความเป็นมาว่า เมื่อ 40 ปีที่แล้ว มีอาชีพเป็นช่างไม้ประจำหมู่บ้าน ชอบงานด้านช่าง แล้วพัฒนาฝีมือจนมาเป็นช่างปูน รับสร้างพระอุโบสถตามวัดต่างๆ และสร้างศาลาทรงไทย ก่อนจะมาเป็นพระพุทธรูปดังกล่าว พระครูพิศาลวิมลกิจ อดีตเจ้าอาวาสวัดขนอนเหนือที่มรณภาพไปแล้ว ได้นำภาพถ่ายพระพุทธรูปปางพยาบาลภิกษุอาพาธ อุ้มพระอยู่ ซึ่งเห็นว่าแปลกดี แล้วให้ตนเป็นคนปั้น เพื่อให้ชาวบ้านสักการบูชา และขอพรให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ
ในการปั้นครั้งนั้น ตนไม่เคยปั้นพระพุทธรูปมาก่อน รับทำแต่ลวดลายปูนปั้นประดับศาลาและโบสถ์เท่านั้น การปั้นจึงเป็นไปอย่างทุลักทุเล ใช้เวลาปั้นนานประมาณ 1 เดือนจึงเสร็จ พระพุทธรูปออกมาสวยงามดี ชาวบ้านเห็นแล้วเกิดศรัทธาเข้ามากราบไหว้บูชาขอบารมีรักษาโรคภัยไข้เจ็บ จนเป็นที่เลื่องลือ เชื่อว่าพระพุทธเจ้าผู้มีเมตตามารักษาโรคให้ ระหว่างปั้นยังมีชาวบ้านนำพระเครื่องหลายองค์มาบรรจุไว้ที่เศียรและหน้าอกด้วย แต่ไม่ทราบจำนวน
หลังจากปั้นพระพุทธรูปปางพยาบาลเสร็จ ได้มีพระช่วง อาจินตโน อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านหว้า มาให้ตนปั้นพระพุทธรูปอีก 1 องค์ โดยเศียรพระพุทธรูปเป็นเนื้อหินทะเลที่ชาวประมงลากติดอวนได้มา ให้ปั้นต่อเป็นองค์พระท่ายืน นำไปตั้งประดิษฐานไว้ที่ปากทางเข้าวัดบ้านหว้า ริมถนนสายเอเซีย ก.ม.11-12 หมู่ 3 ต.บ้านหว้า อ.บางปะอิน โดยปั้นพระพุทธรูปให้มือขวาอยู่ในลักษณะกวักเขาหาตัว มือซ้ายปั้นในลักษณะแบมือรับโชค หรืออุ้มโชคไว้ ตอนนั้นแปลกใจในรูปแบบ คิดอยู่นานว่าจะปั้นออกมาอย่างไร พยายามอยู่หลายครั้งจนปั้นเสร็จสมบูรณ์ พบว่าชาวบ้านให้ความสนใจเข้ามากราบไหว้เป็นจำนวนมากเพื่อขอบารมีโชคลาภ ทำมาค้าขึ้น จนมีชาว จ.กำแพงเพชร มากราบไหว้แล้วถูกหวยรางวัลที่ 1 จึงมาติดต่อว่าจ้างให้ตนไปปั้นพระพุทธรูปลักษณะเดียวกันที่ จ.กำแพงเพชร ด้วย แต่ตนไม่ได้ไปสร้างให้ หลังจากสร้างพระพุทธรูปปางรับโชค เสร็จได้ไม่นาน ทางวัดได้ก่อสร้างอุโบสถหลังใหญ่มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท แต่ประชาชนบริจาคเงินช่วยสร้าง แล้วเสร็จภายในเวลา 1 ปีเท่านั้น
นางยุพา ชองขันปอน อายุ 40 ปี ชาวบ้าน อ.บางปะอิน ที่อยู่ห่างจากวัดประมาณ 2 ก.ม. เปิดเผยว่า เคยเดินทางไปกราบไหว้พระพุทธรูปทั้งสององค์อยู่บ่อยครั้ง เมื่อยามรู้สึกว่าไม่ค่อยสบาย จะนึกถึงพระพุทธรูปองค์นี้ประจำ เมื่อไปสักการะขอพรพระพุทธจริยา ปางพยาบาลภิกษุอาพาธ อาการที่เคยไม่ค่อยสบายจะรู้สึกหายไป เชื่อว่าพระพุทธรูปองค์นี้ช่วยให้จิตใจปลอดโปร่ง แล้วเกิดความสบายใจขึ้น

credit : ข่าวสด , ho-de

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น