วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ดีแน่หรือ จับอดีตดาราหนังโป๊มาเล่นหนังไทย






จากกระแสที่มีการพูดคุยกันอย่างเป็นวงกว้างเกี่ยวกับภาพยนตร์ไทยที่กำลังเข้าฉายอยู่ในบ้านเราเรื่อง "ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น" ที่มีการนำเอาอดีตดาราหนังโป๊ญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันอีกอย่างว่า หนัง AV มารับบทแสดงนำในหนังที่มีเนื้อหาเหมาะสำหรับคนดูวัยใสๆ จนมีการพูดถึงและถกประเด็นกันว่า "เหมาะสมแล้วหรือ" สำหรับสิ่งที่เรียกว่าความบันเทิงเพื่อเยาวชน โซระ อาโออิ (Sora Aoi) เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการแสดงหนังโป๊หรือหนัง AV ของประเทศญี่ปุ่น โดยมีผลงานออกสู่สายตาประชาชน รวมไปถึงคอหนัง AV ในประเทศไทยมากกว่า 50 เรื่อง เรียกได้ว่า เธอคือ Super Star แห่งวงการหนัง AV ก็ได้ จนมาถึงปีที่แล้ว ที่ผลงานของเธอลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด โซระ อาโออิ ตัดสินใจแขวนเต้าและหันเหตัวเองไปสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว โดยมีผลงานการแสดงภาพยนตร์ธรรมดา และซีรี่ย์ทางทีวีอีก 2 เรื่องที่กำลังฉายในญี่ปุ่น และได้มีการจับพลัดจับผลูมาแสดงหนังไทยกับค่าย GTH ให้หนุ่มๆ บ้านเราได้ฮือฮากัน
โดยทางผู้กำกับหนังชาวไทย "ย้ง-ทรงยศ" ได้กล่าวว่า ให้มองว่า โซระ อาโออิ เป็นเพียงนักแสดงธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น อย่าไปมองถึงหนังที่เธอเคยแสดงในอดีต เพราะตอนนี้เธอได้เลิกแสดงหนัง AV แล้ว ให้เปรียบเทียบกับ "ซูฉี" ซึ่งก็เคยแสดงหนังเรตอาร์เหมือนกัน
ก็อยากจะฝากคำถามไว้ซักนิดว่า มันสมควรแล้วหรือ ที่นำดาราที่เรียกได้ว่านางเอกหนังโป๊ มาแสดงหนังไทยให้เยาวชนดู เรื่องปิดเทอมใหญ่ฯ อาจจะมีกระแสหนังที่ดังเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เรื่องของโซระ อาโออิ จึงอาจจะเป็นเพียงแค่ประเด็นที่พูดถึงรองลงมา แต่หากว่าต่อไปในอนาคต จะมีคนทีคิดอีกแบบ คือการนำเอานางเอกหนังโป๊มาแสดงหนังเพื่อสร้างกระแสของหนังให้ดังมากขึ้น วงการหนังไทยจะเป็นเช่นไร และเยาวชนที่พวกคุณๆ ทั้งหลายห่วงนักห่วงหนา จะไม่หันไปหมกมุ่นกับการหาหนังโป๊ในอดีตของดาราคนนั้นๆ มาดูกันให้เสียเด็กหรือ


credit : ho-de , http://www.talkystory.com

ปริศนาเลขบัตรประชาชน 13 หลัก

อยากรู้มั้ย ว่าแต่ละตำแหน่งหมายถึงอะไร ค้นหาคำตอบได้ที่นี่
โดยความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเรียนหรือทำอะไร ตัวเลขก็ล้วนมีเอี่ยว หรือมายุ่งเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของคนเราเสมอ และในทางกลับกัน ตัวเลขบางตัวอาจจะทำให้เรามีความสุขขึ้นด้วยซ้ำ เช่น ตัวเลขเพิ่มขึ้นของเงินเดือนหรือโบนัส ตัวเลขในบัญชีรายรับ ตัวเลขมูลค่าเพิ่มของหุ้นที่เราซื้อ ฯลฯ ยกเว้น ตัวเลขดอกเบี้ยเงินกู้ ที่งามโดยไม่ต้องรดน้ำ หรือตัวเลขยอดหนี้ที่ยังไม่จ่าย ส่วนตัวเลขที่น่ารังเกียจอีกตัว คือ ตัวเลขอายุที่เพิ่มขึ้นของสาวๆ ที่ยังไม่แต่งงาน เป็นต้น
นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว ยังมี “ตัวเลข” ที่เกี่ยวพันกับความเชื่อต่างๆ ทั้งของไทยและต่างประเทศอีกหลายตัว เช่น คนไทยถือว่า เลข 9 เป็นเลขมงคล เพราะออกเสียงว่า “เก้า” ที่พ้องกับคำว่า “ก้าว” อันหมายถึง ความเจริญก้าวหน้า ด้วยเหตุนี้ ในปัจจุบัน เราจึงเห็นคนไทยจำนวนไม่น้อย ไปทัวร์ไหว้พระ 9 วัดเพื่อความเป็นสิริมงคล จนได้กลายมาเป็นการ “ทำบุญ” อีกรูปแบบที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย
สำหรับฝรั่ง เขาจะถือว่า เลข 13 เป็นเลขอาถรรพ์ หรือเลขอัปมงคล หรือเรียกกันว่า ลัคกี้นัมเบอร์ (Lucky number) สาเหตุมาจากอาหารมื้อสุดท้าย ของพระเยซูคริสต์ ที่เรียกกันว่า เดอะลาสซับเปอร์ (The Last Supper) นั้น มีสาวกร่วมโต๊ะพร้อมกับพระองค์ นับรวมแล้วได้ 13 คนพอดี ครั้นวันรุ่งขึ้นซึ่งตรงกับวันศุกร์ พระองค์ก็ถูกจับตรึงกางเขนจนสิ้นพระชนม์ เขาจึงถือว่าวันศุกร์ที่ตรงกับวันที่ 13 เป็นวันโชคร้าย
แม้ว่าเลข 13 จะเป็นเลขอาถรรพ์ของฝรั่ง แต่คนไทยโดยทั่วไป ไม่ได้ถือกับตัวเลขดังกล่าว และที่น่าสนใจคือ มี เลข 13 ที่เกี่ยวพันโดยตรงกับคนไทย ซึ่งเชื่อว่า คงมีคนอีกไม่น้อยไม่เคยทราบมาก่อน นั่นคือ เลขประจำตัวประชาชนในบัตรประชาชน หรือที่เดี๋ยวนี้เรียก สมาร์ทการ์ด ที่มีด้วยกัน 13 หลัก และแต่ละหลักก็มิใช่แค่เป็นเพียงจำนวนนับธรรมดาๆ แต่มีความหมายแฝงอยู่ด้วย ซึ่งกลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ขอนำมาเสนอเพื่อเป็นความรู้ ดังนี้
สมมุติว่า เลขบัตรประชาชนของเราเขียนไว้ว่า 1 1001 01245 29 9 (เขียนเว้นวรรค ตามแบบ) แต่ละหลักก็จะมีความหมายดังนี้
หลักที่ 1 (คือหมายเลข 1 ในตัวอย่าง) จะหมายถึง ประเภทบุคคล ซึ่งมีอยู่ 8 ประเภทได้แก่
ประเภทที่ 1 คือ คนที่เกิดและมีสัญชาติไทย และได้แจ้งเกิดภายในกำหนดเวลา หมายความว่า เด็กคนใดก็ตามที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2527 เป็นต้นไป อันเป็นวันเริ่มแรกที่เขาประกาศให้ประชาชนทุกคน ต้องมีเลขประจำตัว 13 หลัก เมื่อพ่อแม่ผู้ปกครองไปแจ้งเกิดที่อำเภอ หรือสำนักทะเบียนในเขตที่อยู่ภายใน 15 วันนับแต่เกิดมา ตามที่กฎหมายกำหนด เด็กคนนั้นก็ถือเป็นบุคคลประเภท 1 และจะมีเลขประจำตัวขึ้นด้วยเลข 1 เช่น เด็กหญิงส้มจี๊ด เกิดเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2527 และพ่อไปแจ้งเกิดที่เขตดุสิตภายในวันที่ 17 มกราคม 2527 เด็กหญิงส้มจี๊ด ก็จะมีหมายเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 1 และก็ต่อด้วยเลขหลักอื่นๆ อีก 12 ตัว เป็น 1 1001 01245 29 9 เป็นต้น ซึ่งเลขนี้จะปรากฏในทะเบียนบ้าน และจะเป็นเลขประจำตัว เมื่อส้มจี๊ดไปทำบัตรประชาชนตอนอายุ 15 ปี
ประเภทที่ 2 คือ คนที่เกิดและมีสัญชาติไทย ได้แจ้งเกิดเกินกำหนดเวลา หมายความว่า เด็กคนใดก็ตามที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2527 เป็นต้นไป แล้วบังเอิญว่าพ่อแม่ผู้ปกครองลืมหรือติดธุระ ทำให้ไม่สามารถไปแจ้งเกิดที่อำเภอหรือเขตภายใน 15 วันตามกฎหมายกำหนด เมื่อไปแจ้งภายหลัง เด็กคนนั้นก็จะกลายเป็นบุคคลประเภท 2 และจะมีเลขตัวแรกในทะเบียนบ้านขึ้นด้วยเลข 2 ทันที เช่น ในกรณีส้มจี๊ด หากพ่อไปแจ้งเกิดให้ ในวันที่ 18 มกราคม 2527 หรือเกินกว่านั้น ส้มจี๊ดก็จะมีเลขประจำตัวเป็น 2 1001 01245 29 9 ในทะเบียนบ้าน และเมื่อไปทำบัตรประชาชนในภายหน้า
ประเภทที่ 3 คือ คนไทยและคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ในสมัยเริ่มแรก (คือตั้งแต่ก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม 2527) หมายความว่า บุคคลใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ณ ที่ใดที่หนึ่งในประเทศไทย มาตั้งแต่ก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 คนนั้นถือว่าเป็นบุคคลประเภท 3 และก็จะมีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 3 เช่น ส้มจี๊ด เกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ.2501 และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านแล้ว ส้มจี๊ดก็จะมีเลขประจำตัวในทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชนเป็น 3 1001 01245 29 9
ประเภทที่ 4 คือ คนไทยและคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญคนต่างด้าวแต่แจ้งย้ายเข้า โดยยังไม่มีเลขประจำตัวประชาชน ในสมัยเริ่มแรก หมายความว่า คนไทยหรือคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญคนต่างด้าว ที่อาจจะเป็นบุคคลประเภท 3 คือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเดิมอยู่แล้ว แต่ยังไม่ทันได้เลขประจำตัว ก็ขอย้ายบ้านไปเขตหรืออำเภออื่น ก่อนช่วงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 ก็จะเป็นบุคคลประเภท 4 ทันที เช่น ส้มจี๊ดมีชื่ออยู่ในสำนักทะเบียนเขตคลองสาน มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2501 ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2527 ส้มจี๊ดก็ขอย้ายบ้านไปเขตดุสิต โดยที่ส้มจี๊ดยังไม่ทันได้เลขประจำตัวจากเขตคลองสาน พอแจ้งย้ายเข้าเขตดุสิต ส้มจี๊ดก็จะกลายเป็นบุคคลประเภท 4 มีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วย 4 กลายเป็น 4 1001 01245 29 9 ทันที แต่ถ้าส้มจี๊ดย้ายจากเขตคลองสานเดิม ไปเขตดุสิต หลังวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 ส้มจี๊ดก็ยังเป็นบุคคลประเภท 3 อยู่ เพราะถือว่าจะได้เลขประจำตัวจากเขตคลองสานแล้ว จะย้ายอย่างไรก็ไม่เปลี่ยนแปลง
การกำหนดให้บุคคลเริ่มมีเลขประจำตัว 13 หลักในทะเบียนบ้านหรือบัตรประชาชน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2527 เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 อันเป็นวันสุดท้าย ของการดำเนินการให้ประชาชน ที่ไม่มีเลขประจำตัวในบัตรหรือทะเบียนบ้าน ได้มีเลขประจำตัวจนครบแล้วนั้น ก็เพราะก่อนหน้านี้ ประเทศไทยยังไม่เคยมีการกำหนดเลขประจำตัวดังกล่าวมาก่อนเลย ดังนั้น ช่วงที่ว่าจึงเป็นระยะเวลาจัดระบบให้เข้าที่เข้าทาง เพราะหลังจากวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 แล้ว ทุกคนจะต้องมีเลขประจำตัวเพื่อสำแดงตนว่า เป็นบุคคลประเภทใด โดยดูตามเงื่อนไขในแต่ละกรณี ซึ่งมีอีก 4 ประเภท คือ
ประเภทที่ 5 คือ คนไทยที่ได้รับอนุมัติให้เพิ่มชื่อ เข้าไปในทะเบียนบ้านในกรณีตกสำรวจ หรือกรณีอื่นๆ เช่น ส้มจี๊ดมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเขตดุสิตอยู่แล้ว แต่บังเอิญว่าตอนที่มีการสำรวจรายชื่อผู้อยู่ในบ้าน เกิดความผิดพลาดทางเทคนิค ทำให้ชื่อของส้มจี๊ดหายไปจากทะเบียนบ้าน เมื่อไปแจ้งเจ้าหน้าที่และตรวจสอบแล้วว่าตกสำรวจจริง หรือจะเป็นเพราะกรณีอื่นใดก็ตาม เจ้าหน้าที่ก็จะเพิ่มชื่อให้ แต่ส้มจี๊ดก็จะมีหมายเลขในทะเบียนบ้านเป็นบุคคลประเภท 5 และบัตรประชาชนจะขึ้นต้นด้วยเลข 5 ทันที คือ กลายเป็น 5 1001 01245 29 9
ประเภทที่ 6 คือ ผู้ที่เข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และผู้ที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่อยู่ในลักษณะชั่วคราว กล่าวคือ คนที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย แต่ยังไม่ได้สัญชาติไทย เพราะทางการยังไม่รับรองทางกฎหมาย เช่น ชนกลุ่มน้อยตามชายแดน หรือชาวเขา กลุ่มนี้ถือว่าเป็นผู้เข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนบุคคลที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่อยู่ชั่วคราว เช่น นักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย แม้บางคนจะถือพาสปอร์ตประเทศของตน แต่อาจจะมีสามีหรือภริยาคนไทย จึงไปขอทำทะเบียนประวัติ เพื่อให้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านสามีหรือภริยา คนทั้งสองแบบที่ว่า ถือว่าเป็นบุคคลประเภท 6 เลขประจำตัวในบัตรจะขึ้นต้นด้วยเลข 6 เช่น 6 1012 23458 12
ประเภทที่ 7 คือ บุตรของบุคคลประเภทที่ 6 ซึ่งเกิดในประเทศไทย คนกลุ่มนี้ในทะเบียนประวัติจะมีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 7 เช่น 7 1012 2345 133
ประเภทที่ 8 คือ คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยถูกต้องตามกฎหมาย คือ ผู้ที่ได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือคนที่ได้รับการแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทย และคนที่ได้รับการให้สัญชาติไทย ตั้งแต่หลังวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 เป็นต้นไปจนปัจจุบัน คนกลุ่มนี้เลขในทะเบียนประวัติจะขึ้นด้วยเลข 8 เช่น 8 1018 01234 24 7
คนทั้ง 8 ประเภทนี้ จะมีเพียงประเภทที่ 3, 4 และ 5 เท่านั้น ที่จะมีบัตรประชาชนได้เลย ส่วนประเภทที่ 1 และ 2 จะมีบัตรประชาชนได้ ก็ต่อเมื่อมีอายุถึงเกณฑ์ทำบัตรประจำตัวประชาชน คืออายุ 15 ปี แต่สำหรับบุคคลประเภทที่ 6, 7 และ 8 จะมีเพียงทะเบียนประวัติเล่มสีเหลืองเท่านั้น จะไม่มีการออกบัตรประชาชนให้
ต่อไปคือ หลักที่ 2 ถึงหลักที่ 5 (เลข 1001 ในตัวอย่างหรือสี่ตัวถัดไปจากตัวแรก) จะหมายถึง รหัสของสำนักทะเบียน หรืออำเภอที่เรามีชื่ออยู่ในทะเบียนขณะที่ให้เลข ซึ่งก็หมายถึงถิ่นที่อยู่ของเรานั่นเอง กล่าวคือ เลขหลักที่ 2 และ 3 จะหมายถึงจังหวัดที่อยู่ ส่วนหลักที่ 4 และ 5 หมายถึงเขตหรืออำเภอในจังหวัดนั้นๆ เช่น ถ้าเขียนว่า 1001 ก็หมายถึงว่า คุณอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ในเขตดุสิต เพราะ 10๐ ในหลักที่ 2 และ 3 หมายถึงกรุงเทพมหานคร ส่วนเลข 01 ในหลักที่ 4 และ 5 คือรหัสของสำนักทะเบียนเขตดุสิต หรือถ้าเขียนว่า 1101 ก็จะหมายถึง อยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอเมือง เพราะ 11 แรกคือ รหัสจังหวัดสมุทรปราการ และ 01 หลัง คือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ เป็นต้น
สำหรับ หลักที่ 6 ถึงหลักที่ 10 (เลข 01245 ในตัวอย่าง) จะหมายถึง กลุ่มที่ของบุคคลแต่ละประเภท ตามหลักแรก (หลักที่ 1) ซึ่งทางสำนักทะเบียนในแต่ละแห่ง ก็จะจัดกลุ่มเรียงไปตามลำดับ หรือหากเป็นเด็กเกิดใหม่ในปัจจุบัน เลขดังกล่าวก็จะหมายถึง เล่มที่ของสูติบัตร (ใบแจ้งเกิดที่อำเภอหรือเขตออกให้) ซึ่งก็คือเลขประจำตัวในทะเบียนบ้านของเด็กที่แต่ละอำเภอหรือเขตออกให้ และจะไปปรากฎในบัตรประชาชน เมื่อถึงอายุต้องทำบัตรนั่นเอง แต่ถ้ายังไม่ถึงเกณฑ์เลขนี้ ก็จะปรากฏอยู่แค่ในทะเบียนบ้านของเด็กเท่านั้น
หลักที่ 11 และ 12 (หมายเลข 29 ในตัวอย่างสมมุติ) จะหมายถึง ลำดับที่ของบุคคลในแต่ละกลุ่มประเภท เป็นการจัดลำดับว่าเราเป็นคนที่เท่าไรในกลุ่มของบุคคลประเภทนั้นๆ
หลักที่ 13 (เลข 9 ตัวสุดท้ายในตัวอย่าง) จะหมายถึง ตัวเลขสำหรับตรวจสอบความถูกต้องของเลขทั้ง 12 หลักแรกอีกที
สำหรับเลขตั้งแต่หลักที่ 6 ถึง 13 นี้เป็นการจัดหมวดหมู่ และเรียงลำดับบุคคลในแต่ละประเภทของสำนักทะเบียนในแต่ละท้องที่ ซึ่งเราก็คงไม่ต้องรู้รายละเอียดอะไรลึกไปกว่านี้ เพราะรู้แล้วอาจจะงงเปล่าๆ
เป็นเรื่องน่าแปลกว่า ตัวเลข 13 หลักที่เป็นหมายเลขในบัตรประชาชน หรือเลขประจำตัวประชาชนของเราแต่ละคนนี้ จะไม่มีการซ้ำกันเลย ผิดกับชื่อหรือนามสกุล ยังมีซ้ำกันได้ และจะเป็นเลขประจำตัวเราจนตาย ไม่มีการเปลี่ยน หรือยกให้คนอื่น และจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ว่า ในอนาคตจะต้องมีการเติมเลข อย่างเลข 8 เข้าไปอีก เพราะเลขไม่พอใช้เหมือนโทรศัพท์มือถือหรือไม่ เขาก็บอกว่าคงอีกนาน อาจจะถึง 100 ปีโน่น เพราะการที่เขาแยกแยะบุคคลเป็นประเภทต่างๆ และยังแยกย่อยเป็นจังหวัดอำเภอ แล้วลงรายละเอียดไปเป็นกลุ่มๆในแต่ละประเภทอีกนั้น ทำให้เพดานหรือช่วงตัวเลขมีความห่างมาก จนสามารถรองรับจำนวนคนได้อีกมาก และหากใครสงสัย หรือมีปัญหาในเรื่องทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส บัตรประชาชน ก็สามารถสอบถามไปได้ที่ สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง โทร. 1548
ตัวเลข 13 หลักที่กล่าวข้างต้น เป็นเลขประจำตัวประชาชนของแต่ละคนนี้ แม้จะมิใช่ตัวเลขที่เราต้องใช้เป็นประจำในชีวิตประจำวัน ยกเว้นใช้ในการกรอกเอกสารบางอย่าง เช่น การเปิดบัญชีธนาคาร ฯลฯ แต่เลขนี้ก็มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นการสำแดงตัวตน “ความเป็นคนไทยหรือคนในประเทศไทย” ที่ทำให้เราสามารถอาศัยอยู่ในประเทศไทย และใช้สิทธิอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้


credit : มติชน ho-de

พุทธรูปปางพิลึก-อุ้มพระภิกษุป่วย

ชาวกรุงเก่าฮือฮา พระพุทธรูปปางประหลาด 2 องค์ องค์หนึ่งเป็นปางพยาบาลภิกษุอาพาธ อีกองค์เป็นปางรับโชค ประดิษฐานอยู่ที่บางปะอินทั้งสององค์ เป็นที่นับถือศรัทธาจากชาวบ้าน ในด้านช่วยปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ ช่างผู้ปั้นพระเผยอดีตเจ้าอาวาสเป็นคนดำริจัดทำขึ้นตามภาพถ่ายที่ได้มา พอปั้นเสร็จก็ได้รับศรัทธาอย่างเนืองแน่นจากชาวบ้าน
ที่วัดขนอนเหนือ ริมถนนสายเอเซีย ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มีพระพุทธรูปลักษณะพิสดาร ไม่เหมือนกับพระพุทธรูปตามวัดต่างๆ สร้างความประหลาดใจต่อผู้พบเห็น จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าพระพุทธรูปดังกล่าว ตั้งอยู่ด้านข้างอุโบสถของวัด ประดิษฐานอยู่บนซุ้มปูนปั้นทรงไทย ยกฐานสูงจากพื้นดินประมาณ 180 ซ.ม. ลักษณะของพระพุทธรูปสูงประมาณ 2 เมตร อยู่ในท่านั่งเข่าขวาตั้งชัน ไว้ผมมวย มีใบหน้าอ่อนหวานคล้ายเจ้าแม่กวนอิม ในวงแขนมีรูปปั้นพระสงฆ์นอนคล้ายกับอาพาธอยู่ ที่ฐานพระพุทธรูปเขียนเป็นปูนปั้นว่า "พระพุทธรูปจริยาปางพยาบาลภิกษุอาพาธ"
พระปลัดเนตร โกสโล อายุ 40 ปี เจ้าอาวาสวัดขนอนเหนือ เปิดเผยว่า ตั้งแต่มาเป็นเจ้าอาวาสก็เห็นพระพุทธรูปดังกล่าวแล้ว ไม่ทราบวัตถุประสงค์ของผู้สร้างเหมือนกันว่าสร้างแบบดังกล่าวทำไม ทราบแต่เพียงว่าอดีตเจ้าอาวาสรูปเดิม ได้สั่งให้ช่างสิริ บ้านอยู่ที่หมู่ 4 ต.บ้านหว้า อ.บางปะอิน ปั้นพระพุทธรูปปางดังกล่าว ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวชมวัด ต่างสงสัยเข้ามาสอบถามกันบ่อยครั้ง ทางวัดจึงกำลังรวบรวมประวัติพระพุทธรูปดังกล่าว รวมกับประวัติของวัดด้วย เนื่องจากวัดขนอนมีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในอุโบสถยังมีจิตรกรรมฝาผนัง เล่าเรื่องราวสมัยกรุงศรีอยุธยาที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาไว้เป็นหลักฐานด้วย
จากการสอบถามนายสิริ ภาคาหาญ อายุ 75 ปี ช่างปั้นพระพุทธรูปดังกล่าว เล่าให้ฟังถึงความเป็นมาว่า เมื่อ 40 ปีที่แล้ว มีอาชีพเป็นช่างไม้ประจำหมู่บ้าน ชอบงานด้านช่าง แล้วพัฒนาฝีมือจนมาเป็นช่างปูน รับสร้างพระอุโบสถตามวัดต่างๆ และสร้างศาลาทรงไทย ก่อนจะมาเป็นพระพุทธรูปดังกล่าว พระครูพิศาลวิมลกิจ อดีตเจ้าอาวาสวัดขนอนเหนือที่มรณภาพไปแล้ว ได้นำภาพถ่ายพระพุทธรูปปางพยาบาลภิกษุอาพาธ อุ้มพระอยู่ ซึ่งเห็นว่าแปลกดี แล้วให้ตนเป็นคนปั้น เพื่อให้ชาวบ้านสักการบูชา และขอพรให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ
ในการปั้นครั้งนั้น ตนไม่เคยปั้นพระพุทธรูปมาก่อน รับทำแต่ลวดลายปูนปั้นประดับศาลาและโบสถ์เท่านั้น การปั้นจึงเป็นไปอย่างทุลักทุเล ใช้เวลาปั้นนานประมาณ 1 เดือนจึงเสร็จ พระพุทธรูปออกมาสวยงามดี ชาวบ้านเห็นแล้วเกิดศรัทธาเข้ามากราบไหว้บูชาขอบารมีรักษาโรคภัยไข้เจ็บ จนเป็นที่เลื่องลือ เชื่อว่าพระพุทธเจ้าผู้มีเมตตามารักษาโรคให้ ระหว่างปั้นยังมีชาวบ้านนำพระเครื่องหลายองค์มาบรรจุไว้ที่เศียรและหน้าอกด้วย แต่ไม่ทราบจำนวน
หลังจากปั้นพระพุทธรูปปางพยาบาลเสร็จ ได้มีพระช่วง อาจินตโน อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านหว้า มาให้ตนปั้นพระพุทธรูปอีก 1 องค์ โดยเศียรพระพุทธรูปเป็นเนื้อหินทะเลที่ชาวประมงลากติดอวนได้มา ให้ปั้นต่อเป็นองค์พระท่ายืน นำไปตั้งประดิษฐานไว้ที่ปากทางเข้าวัดบ้านหว้า ริมถนนสายเอเซีย ก.ม.11-12 หมู่ 3 ต.บ้านหว้า อ.บางปะอิน โดยปั้นพระพุทธรูปให้มือขวาอยู่ในลักษณะกวักเขาหาตัว มือซ้ายปั้นในลักษณะแบมือรับโชค หรืออุ้มโชคไว้ ตอนนั้นแปลกใจในรูปแบบ คิดอยู่นานว่าจะปั้นออกมาอย่างไร พยายามอยู่หลายครั้งจนปั้นเสร็จสมบูรณ์ พบว่าชาวบ้านให้ความสนใจเข้ามากราบไหว้เป็นจำนวนมากเพื่อขอบารมีโชคลาภ ทำมาค้าขึ้น จนมีชาว จ.กำแพงเพชร มากราบไหว้แล้วถูกหวยรางวัลที่ 1 จึงมาติดต่อว่าจ้างให้ตนไปปั้นพระพุทธรูปลักษณะเดียวกันที่ จ.กำแพงเพชร ด้วย แต่ตนไม่ได้ไปสร้างให้ หลังจากสร้างพระพุทธรูปปางรับโชค เสร็จได้ไม่นาน ทางวัดได้ก่อสร้างอุโบสถหลังใหญ่มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท แต่ประชาชนบริจาคเงินช่วยสร้าง แล้วเสร็จภายในเวลา 1 ปีเท่านั้น
นางยุพา ชองขันปอน อายุ 40 ปี ชาวบ้าน อ.บางปะอิน ที่อยู่ห่างจากวัดประมาณ 2 ก.ม. เปิดเผยว่า เคยเดินทางไปกราบไหว้พระพุทธรูปทั้งสององค์อยู่บ่อยครั้ง เมื่อยามรู้สึกว่าไม่ค่อยสบาย จะนึกถึงพระพุทธรูปองค์นี้ประจำ เมื่อไปสักการะขอพรพระพุทธจริยา ปางพยาบาลภิกษุอาพาธ อาการที่เคยไม่ค่อยสบายจะรู้สึกหายไป เชื่อว่าพระพุทธรูปองค์นี้ช่วยให้จิตใจปลอดโปร่ง แล้วเกิดความสบายใจขึ้น

credit : ข่าวสด , ho-de

วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ย้อนอดีต...ไมเคิล แจ๊กสัน

ไมเคิล แจ๊กสัน ชายผู้มากไปด้วยความสามารถ ทั้งการร้อง การเต้น ที่ทำให้วงการเพลงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก แต่จากผลงานที่ผ่านมา ถือได้ว่า ไมเคิล แจ๊กสัน เป็นหนึ่งในตำนานบทที่ถูกเขียนขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุดของวงการเพลง เลยทีเดียว เพื่อเป็นการรำลึกการจากไปของ "ราชาเพลงป๊อบ ไมเคิล แจ๊กสัน" iGossipy.com จึงจัดทำสกู๊ปพิเศษนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่ตำนานเพลงป๊อบของโลก Rest in Peace M.J. ไมเคิล แจ็กสัน (อังกฤษ: Michael Jackson) มีชื่อเต็มว่า ไมเคิล โจเซฟ แจ็กสัน (Michael Joseph Jackson) หรือเรียกย่อ ๆ ว่า เอ็มเจ (MJ) หรือแจ็กโก้ (Jacko) เกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2501 เป็นนักร้องชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากจนได้รับการขนานนามว่าเป็น ราชาเพลงป็อป หรือ King of Pop
ไมเคิล แจ็กสัน เริ่มต้นอาชีพนักดนตรีในฐานะนักร้องนำของวง The Jackson 5 เมื่ออายุได้เพียง 7 ปี และได้ออกงานเดี่ยวชิ้นแรกในอัลบั้ม Got to Be There ออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2514 ใน ขณะที่ยังเป็นสมาชิกของวง The Jackson 5 อยู่และมีอายุเพียง 11 ปี ไมเคิล แจ็กสันก็สามารถคว้าอันดับ 1 บนชาร์ตเพลงมาครองได้มากถึง 3 เพลงฮิตแล้ว
ปี พ.ศ. 2522 มีผลงานออกมาชุด Off the Wall อัลบั้มเปิดตัวที่ทำยอดขายกว่า 20 ล้านก๊อปปี้ทั่วโลกตามด้วยอัลบั้มประวัติศาสตร์ Thriller (พ.ศ. 2525) ซึ่งเป็นเจ้าของสถิติอัลบั้มที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาลถึง 60 ล้านชุด และ Bad ในปี พ.ศ. 2530 ที่สร้างสถิติอีกครั้งด้วยการเป็นอัลบั้มที่มีซิงเกิ้ลต่าง ๆ ขึ้นถึงอันดับ 1 บิลบอร์ดมากที่สุดปี พ.ศ. 2534 ไมเคิลกลับมาพร้อมกับอัลบั้ม Dangerous ที่มีเพลง Black or White ติดอันดับ 1 ทั้งในบิลบอร์ดและชาร์ตเพลงทั่วโลก ก่อนที่จะส่งอัลบั้ม History กับเพลง Youre Not Alone ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลแรกในประวัติศาสตร์ที่ติดอันดับ 1 ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่วางจำหน่าย และล่าสุดกับ Invincible (พ.ศ. 2544) ซึ่งทิ้งห่างจากงานชุดที่แล้วถึง 10 ปีเต็มหลังจากว่างเว้นจากการทัวร์คอนเสิร์ตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2552 ไมเคิลได้ประกาศจัดคอนเสิร์ต ดิส อิส อิท ณ โอทู อารีนา กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยแรกเริ่มจัดเพียง 10 รอบ แต่ด้วยแฟนเพลงที่ให้ความสนใจคอนเสิร์ตนี้เป็นอย่างมาก จึงได้เพิ่มรอบเป็น 50 รอบ ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ถึง 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ไมเคิล แจ็กสัน เคยเดินทางมาแสดงคอนเสิร์ตในประเทศไทย 2 ครั้ง โดยครั้งแรกในกลางปี พ.ศ. 2536 เป็นการโปรโมตปิดอัลบั้ม Dangerous กำหนดการแสดง 2 รอบ ในวันที่ 21 สิงหาคม และ 22 สิงหาคม ที่สนามศุภชลาศัย โดยทางบริษัท เทโรเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เป็นผู้จัด ซึ่งก่อนการแสดงได้มีการโปรโมตทางช่อง 3 เป็นรายการพิเศษเกี่ยวกับไมเคิล แจ็กสัน มี เมทินี กิ่งโพยม เป็นพิธีกร โดยออกอากาศในช่วงเที่ยงของวันเสาร์-อาทิตย์ อยู่นานนับเดือนคอนเสิร์ตในครั้งนี้เป็นคอนเสิร์ตที่ได้รับความสนใจอย่าง ท่วมท้นจากชาว ไทย และกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอยู่ช่วงหนึ่ง ถึงความเหมาะสมของการจัดแสดง เพราะบางส่วนเห็นท่าเต้นลูบเป้าของไมเคิลไม่เหมาะสมต่อวัฒนธรรมไทยและเมื่อ เดินทางมาถึง ไมเคิลได้แต่งตัวแปลก ๆ เมื่อลงจากเครื่องบินส่วนตัวด้วยผ้าปิดหน้า โดยเจ้าตัวอ้างว่าได้ยินว่ากรุงเทพ ฯ มีควันไอเสียเยอะ ซึ่งส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับการแสดงเห็นว่าเป็นการแสดงออกที่ดูถูกประเทศไทย อีกทั้งต้องใช้ไฟฟ้าเป็น จำนวนมากในการแสดง และราคาบัตรที่เข้าชมก็นับว่าแพงมากด้วย คือ 500, 800, 1,000, 1,500 และ 2,500 บาท โดยคอนเสิร์ตวันแรกจบลงด้วยดี แต่ในวันที่ 22 สิงหาคม ไมเคิล อ้างว่าป่วย ขอเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 23 สิงหาคม แต่เมื่อมาถึงก็ขอเลื่อนไปอีก สร้างความไม่พอใจแก่แฟนๆ จนเกิดเป็นจลาจลย่อยๆ หน้าสนาม
ซึ่งต้องใช้เทปเสียงของเจ้าตัวมาเปิดยืนยันว่าป่วยจริง ๆ ขอเลื่อนไปเป็นวันที่ 24 สิงหาคม อีกที คราวนี้เมื่อถึงวันที่ 24 สิงหาคมจริง ๆ ก็สามารถจัดการแสดงได้และจบลงด้วยดี ซึ่งปรากฏการณ์คอนเสิร์ตในครั้งนี้นับเป็นการแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ของนักร้อง ชาวต่างประเทศระดับโลกครั้งแรกของไทย และต่อมาก็ได้มีศิลปิน นักร้องต่างประเทศทยอยเดินทางมาแสดงคอนเสิร์ตในประเทศไทยเรื่อย ๆ ตราบจนปัจจุบัน ซึ่งหลังจากเดินทางออกจากประเทศไทยแล้ว ไมเคิลก็ได้เดินทางต่อไปยังประเทศบรูไน เพื่อเปิดแสดงคอนเสิร์ตที่นั่น โดยมีสุลต่าลบรูไนเป็นผู้จัดและเปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรีครั้งที่ 2 คือ ในกลางปี พ.ศ. 2538 เป็นการโปรโมตอัลบั้ม History จัดแสดงที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี แสดง 2 รอบอีกเช่นเคย แต่ครั้งนี้ไม่ได้รับความสนใจเท่าครั้งแรก
ในปี พ.ศ. 2542 ไมเคิลได้เผยว่า จะมีการจัดแสดง คอนเสิร์ตรอบพิเศษ โดยจะจัดแสดงทั่วอเมริกาเพียง 10 ที่ ซึ่งตัวไมเคิล เอง อยากจะแสดงและโชว์อีกครั้ง แต่ในการแสดง แต่ในการแสดงอาจจะมีการ เปิด เทป ในการแสดงเป็นบางช่วง เพราะตัว ไมเคิล เองอาจร้องไม่ไหว และ การเต้น อาจจะ ไม่สนุก เหมือน ครั้งที่ผ่านมา เพราะ ไมเคิล มีอายุถึง48ปี ในการแสดงครั้งนี้จะเปิดการแสดงในชุด Jackson 5 ซึ่งมีการรวมตัวเหล่าพี่น้องของ ไมเคิล ในการแสดงจะมีเพลง แค่ 16 เพลง ในชุด Jackson 5 จะมี 6 เพลงและเพลงของไมเคิลเอง 10 เพลง คือ You Are Not Alone, Heal the World, Billie Jean, Man in the Mirror, Will You Be There, Black or White, Beat It, Stanger in Moscow, Rock with You และ Bad และจะจัดขึ้นทั่วโลกในปี พ.ศ. 2552 เพียง 9 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น, อิตาลี, เสปน, เกาหลีใต้, ไต้หวัน, ฝรั่งเศส รวมถึงประเทศไทยด้วย ในราคาค่าตัวสำหรับการเดินทางไปแสดงคอนเสิร์ตถึง 20,000,000 ปอนด์ หรือ คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 650,000,000 บาท คอนเสิร์ตจะจัดขึ้นในประเทศไทยที่ สนามศุภลาศัย ที่จุคนได้ถึง 70,000 คน
โดยคาดว่าค่าบัตรเข้าชมจะมีราคา 1000, 2,000, 3,000, 4,000 บาท โดยประมาณ ในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2551 ไมเคิล แจ๊กสันแล้ว พี่น้องเขาให้สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งเมื่อได้ปรากฏตัวอีกครั้งในรูปแบบ คอนเสิร์ตเต็มที่ และทำให้ นักข่าวตกตะลึง เมื่อ สถานที่แสดง ศิลปินวงอื่น ๆ ยังสามารถ ทำได้เพียง 50,000 คน เท่านั้น แต่ในที่นี้ไมเคิล ได้ทำลายสถิติ ทั้งหมด เพียง1ครั้งเท่านั้น โดยมีผู้ชม ถึง 125,000 คน เลยทีเดียวถือว่า ประวัติศาสตร์ ได้จารึกแล้วเพลง ตำนานที่ไม่ถูกลืมเลยที่เดียว ไมเคิล แจ็กสัน ถูกมองว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่ชอบทำตัวให้เด่นดังและเป็นข่าวอยู่เสมอๆ โดยใช้ชีวิตบนความหรูหรา โอเวอร์เกินคนธรรมดา เช่น คฤหาสถ์ส่วนตัวใช้ชื่อว่า "Never Land" โดยตั้งชื่อให้เหมือนกับดินแดนในเทพนิยายเรื่อง ปีเตอร์แพน ซึ่งในนั้นมีเครื่องเล่นเหมือนสวนสนุกอยู่จำนวนมาก อีกทั้งยังชอบเลี้ยงดูอุปถัมภ์เด็ก ๆ จำนวนมากเป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งได้มีการตีความทางจิตวิทยาว่า ตัวไมเคิลเองมีนิสัยเหมือนเด็กที่ไม่ยอมโตนอกจากนั้นไมเคิลยัง มีชีวิตที่แปลกพิศดาร เช่น มักแต่งตัวแปลก ๆ อย่างตอนเดินทางมาถึงประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2536 หรือเคยมีผู้พบว่าไมเคิลแต่งตัวเป็นผู้หญิงในห้องน้ำหญิงสาธารณะ หรือการที่เปลี่ยนสีผิวตัวเองด้วยวิทยาการทางการแพทย์จากผิวดำให้เป็นขาวซีด อย่างในปัจจุบัน หรือการผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้าด้วยซิลิโคนหลายต่อหลายครั้งเมื่อต้นปี พ.ศ. 2537 ไมเคิลได้สร้างประหลาดใจให้แก่แฟนๆ เมื่อจู่ๆ ประกาศหมั้นและแต่งงานกับ ลิซ่า มารี เพรสลีย์ บุตรสาวของเอลวิส เพรสลีย์อย่างกระทันหัน โดยทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตเช่นสามี ภรรยา ก่อนจะเลิกรากันไปในปี พ.ศ. 2539 โดยไม่มีบุตรด้วยกัน (ภายหลังไมเคิลมีบุตร 2 คนจากการผสมเทียมกับเด็บบี้ โรวว์ พยาบาลสาวใหญ่ และมีเพิ่มอีก 1 คนจากสาวผู้ไม่เปิดเผยนาม ด้วยการผสมเทียมเช่นเดียวกัน)ไมเคิลมีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับเด็กมากมาย มักปรากฏข่าวถึงการลวนลามทางเพศกับเด็กผู้ชายเสมอๆ โดยเฉพาะในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2548 ไมเคิลต้องขึ้นศาลฟังคำพิพากษาเลยทีเดียว เมื่อมีคดีข่มขืนเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ปรากฏว่าศาลพิพากษาให้รอดพ้นไป รวมทั้งเคยอุ้มลูกของตัวเองซึ่งยังเป็นทารกอยู่โดยทำท่าว่าจะทิ้งลงมาจาก หน้าต่างโรงแรมที่เจ้าตัวอาศัยอยู่ เพื่อทักทายแฟน ๆ ที่รออยู่ข้างล่าง จนได้รับเสียงตำหนิต่อว่าอย่างหนักจากสังคม เป็นต้น
ไมเคิล แจ็คสัน ได้ถึงแก่กรรมในช่วงบ่ายของวัน ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2552 ณ โรงพยาบาล UCLA hospital (Ronald Reagan UCLA Medical Center) เวลาประมาณ บ่าย4โมง36นาที ตามเวลาท้องถิ่น และเวลาประมาณ ตี4ในประเทศไทย
ผลงานอัลบั้มพ.ศ. 2514 Got to Be Thereพ.ศ. 2515 Benพ.ศ. 2515 A Collection of Michael Jackson's Oldiesพ.ศ. 2516 Music and Meพ.ศ. 2518 Forever, Michaelพ.ศ. 2522 Off the Wallพ.ศ. 2525 Thrillerพ.ศ. 2527 Farewell My Summer Loveพ.ศ. 2530 Badพ.ศ. 2534 Dangerousพ.ศ. 2538 HIStory - Past, Present and Future - Book Iพ.ศ. 2540 Blood on the Dance Floor: HIStory in the Mixพ.ศ. 2544 Invincibleพ.ศ. 2544 Greatest Hits - HIStory Volume Iพ.ศ. 2546 Number Onesพ.ศ. 2547 Michael Jackson: The Ultimate Collectionพ.ศ. 2548 The Essential Michael Jackson
credit : igossipy

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ภาษีสรรพสามิตวูบ5หมื่นล.

คลังทำใจ ภาษี สรรพสามิตวูบ 5 หมื่นล้าน
นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า การจัดเก็บ รายได้ของกรมสรรพสามิตในปีงบประมาณ 2552 คาดว่าจะจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 3.22 แสนล้านบาท ประมาณ 10-15% หรือต่ำกว่าเป้าประมาณ 5 หมื่น ล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจ ชะลอตัว ทำให้จัดเก็บภาษีได้ลดลง
“ถ้ามองในแง่ดีจะจัดเก็บต่ำ กว่าเป้า 10% แต่ไม่มีทางที่จะน้อยกว่านี้อีกแล้ว” นพ.พฤฒิชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม ถือว่าภาพรวมการจัดเก็บภาษีทั้งปีดีขึ้นกว่าช่วง 8 เดือนแรกของปี (ต.ค. 2551-พ.ค. 2552) ที่จัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า 15-17% เพราะการจัดเก็บภาษีในช่วง 2 เดือนล่าสุด เริ่มจัดเก็บรายได้ใกล้เคียงเป้าที่ตั้งไว้ โดยภาษีที่ จัดเก็บได้เพิ่มขึ้นมาก เช่น ภาษีน้ำมัน เบียร์ บุหรี่ และมีแนวโน้ม ที่จะจัดเก็บได้สูงต่อเนื่อง
นพ.พฤฒิชัย กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาโครงสร้างภาษีสรรพสามิตโดยการแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) 4 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พิกัดอัตราภาษี สุรา และยาสูบ เพื่อให้การจัดเก็บภาษีมีประสิทธิภาพมากขึ้น และ มีการกระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
นอกจากนี้ ยังได้ให้นโยบายไปให้เร่งรัดการดำเนินการจับกุมสุราหนีภาษี
credit : Post today

วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552

อะแคนทะมีบา ภัย คอนแทคเลนส์

ดวงตา คือ หน้าต่างที่ทำให้เรามองเห็นโลกกว้าง ถ้าไม่ดูแลรักษาให้ดี ก็อาจทำให้เราก้าวเข้าสู่โลกมืด

หรือมีความผิดปกติทางสายตารุนแรงโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะหากละเลยข้อควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ก็อาจเป็นเหมือนการเปิดประตูต้อนรับสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่มองไม่เห็นอย่าง อะแคนทะมีบา เข้ามารุกรานและทำอันตรายต่อดวงตา
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ศ.พญ.พนิดา โกสียรักษ์วงศ์ ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า อะแคนทะมีบา เป็นโปรตัวซัวแบบเซลล์เดียวที่อาศัยอยู่ในน้ำและดิน มีช่วงชีวิต 2 แบบ คือ
1. แบบ ซีสต์ มีขนาด 10-25 ไมครอน เมื่ออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เพียงแต่จะฝังตัวอยู่นิ่ง ๆ
2. แบบ โทรโฟซอยต์ ที่เคลื่อนไหว มีขนาด 15-45 ไมครอน จะเปลี่ยนรูปร่างจาก ซีสต์ มีฤทธิ์ทำลายดวงตา
อย่างไรก็ตาม เชื้ออะแคนทะมีบา ทั้ง 2 แบบ สามารถทนทานอยู่ได้นานในสิ่งแวดล้อมทุกรูปแบบ เช่น หนาวจัด ร้อนจัด แห้งแล้ง ขาดอาหาร สระว่ายน้ำที่ใส่คลอรีน หรือแม้แต่บ่อน้ำร้อน
เกี่ยวข้องอย่างไรกับคนใส่คอนแทคเลนส์
ส่วนใหญ่ร้อยละ 70 ในคนที่ใส่คอนแทคเลนส์ สามารถพบกระจกตาอักเสบเนื่องจากติดเชื้ออะแคนทะมีบาได้ โดยส่งผลทำให้เกิดอาการ ดังนี้ ปวดตามาก สู้แสงไม่ได้ กระจกตาขุ่น ฝ้า เป็นแผลอักเสบที่กระจกตา ในบางรายดูคล้ายอักเสบเนื่องจากติดเชื้อไวรัสเริม
วิธีรักษา ควรไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด ในส่วนของการรักษา โดยทั่วไปจะต้องหยอดตาด้วยยาฆ่าเชื้อนี้โดยเฉพาะ ซึ่งจะต้องผสมจากน้ำยาบางชนิดที่ไม่มีขายในท้องตลาด โดยจะต้องหยอดตาบ่อย ๆ เป็นเวลานานหลายเดือน หรืออาจเป็นปี และเฝ้าติดตามดูอาการเป็นระยะ ๆ นานหลายปี เนื่องจากเชื้ออะแคนทะมีบาสามารถมีชีวิตอยู่ในรูปแบบของซีสต์ได้นานหลายสิบปี ดังนั้นเมื่อใดที่ร่างกายอ่อนแอหรือมีเชื้อโรคที่ไปเป็นอาหารชั้นดีของเชื้ออะแคนทะมีบา ซีสต์ดังกล่าวก็จะแปลงร่างเป็นโทรโฟซอยต์ทำให้ดวงตาอักเสบทันที
ทำอย่างไรไม่ให้ติดเชื้อ
1. ล้างมือทำความสะอาดโดยการฟอกสบู่หลาย ๆ ครั้ง ก่อนหยิบจับคอนแทคเลนส์
2. น้ำยาทำความสะอาดล้างเลนส์ ควรใช้ให้หมดภายใน 1 เดือน ไม่เก่าเก็บเกิน 2 เดือนหลังจากเปิดใช้แล้ว
3. ขัดถูล้างเลนส์ทั้ง 2 ด้านเป็นเวลาพอสมควร ตลอดจนล้างขัดถูตลับแช่เลนส์ให้สะอาดทุกครั้งก่อนใส่น้ำยาแช่เลนส์ที่เปลี่ยนใหม่ทุกวัน เพราะโรคนี้มักพบในคนที่ใส่คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่มบ่อยกว่าชนิดแข็ง โดยเฉพาะไม่ล้างทำความสะอาดเลนส์ทุกวันหรือใส่นอน
4. ควรนำตลับแช่เลนส์อบไมโครเวฟทุก 2-3 สัปดาห์ และเปลี่ยนตลับใหม่ทุก 2-3 เดือน เนื่องจากเชื้อโรคนี้อยู่ทนทาน
หากมีอาการหรือพฤติกรรมต่อไปนี้ อย่าใส่คอนแทคเลนส์
1.เปลือกตาอักเสบ
2.ตาแห้ง
3.เป็นโรคภูมิแพ้
4.ไม่มีเวลาดูแลล้างทำความสะอาดคอนแทคเลนส์
เนื่องจากเชื้ออะแคนทะมีบา เป็นสาเหตุสำคัญของอาการกระจกตาอักเสบ และยังส่งผลให้เกิดแผลที่ดวงดา ที่ร้ายไปกว่านั้นคือ มีความอดทนต่อยาที่ใช้รักษาทุกชนิด ทำให้ต้องหยอดยาเป็นเวลานาน และในบางรายอาจไม่ตอบสนองต่อยา เป็นผลให้เชื้ออาจมีการลุกลามไปทั่วทั้งกระจกตา จนเกิดอาการอักเสบทั้งลูกตาได้
การรักษาต้องหยอดยาเป็นเวลานาน ถ้ามีอาการอักเสบมาก จักษุแพทย์จะทำการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาให้ แต่ก็สามารถกลับมามีเชื้อชนิดนี้ได้อีก จึงต้องเฝ้าติดตามดูอาการเป็นเวลานาน และในบางรายอาจมีอาการหนักถึงขั้นที่ต้องได้รับการผ่าตัดเอาลูกตาออกในที่สุดแม้ว่าจะผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาแล้วก็ตาม เนื่องจากสามารถกลับมามีเชื้อชนิดนี้ได้อีก
ดังนั้น การใส่คอนแทคเลนส์แล้วปฏิบัติตัวไม่ถูกวิธี มีสิทธิติดเชื้อจนตาบอดได้ ยิ่งเห่อใส่ตามแฟชั่น ยิ่งต้องควรระวังมากกว่าปกติ เพราะหากดูแลดวงตาและรักษาคอนแทคเลนส์ไม่ถูกวิธี อาจมีเชื้อโรคเข้าสู่ดวงตาได้ง่าย หรือแค่ฝุ่นละอองปลิวเข้าตา ก็อาจพาเชื้อ อะแคนทะมีบา เข้าไปได้ด้วยเหมือนกัน ส่วนผู้ที่ไม่มีเวลาทำความสะอาดล้างเลนส์ แนะนำให้ใส่ชนิดรายวันแล้วทิ้ง หรือเปลี่ยนเป็นใส่แว่นตาจะปลอดภัยกว่า เพื่อให้ดวงตาคู่สวยของคุณมองเห็นโลกสดใสและจะอยู่คู่ชีวิตคุณได้ตลอดไป.

นวพรรษ บุญชาญ : สัมภาษณ์

ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2552

G-Force 3D การ์ตูนหนูน้อยจาก Wall Disney กรกฎาคมนี้

หลังจากลองดั้นด้นหาการ์ตูนเรื่องต่อไปที่จะเข้าจากเรื่อง UP ก็ดันไปพบการ์ตูนเรื่องนี้เข้าG-Force 3D เป็นการ์ตูนแนวหนูๆ กอบกู้โลกอะไรสักอย่าง แต่ที่เสียดายคือมันเป็นแนวคนจริงแสดงกับหนูปลอมนี่แหละ หลังจากเคยผิดหวังอย่างถล่มถลายกันมาแล้วจากหนังการ์ตูนเรื่อง เออร์วิ่น Chipmunk ที่ทำเอาหัวใจแทบสลาย เรื่องนี้ Wall Disney ทำมายั่วใจเด็กกันอีกแล้ว ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องติดตามชม





credit : นายเอ็ม